วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2558

‘ยูสูฟู’อยู่ราชประสงค์ วงจรปิดชัดเจน

อรินทราช 26-ทหารคุมเข้มย้าย “บิลา มูฮัมหมัด” ผู้ต้องหา คนสำคัญกลางดึก จาก บช.น.ไปควบคุมตัวที่ห้องขัง สน.มีนบุรี จัดกำลังเฝ้าหน้ากรงขังตลอดเวลาเกรงฆ่าตัวตาย กระทั่งเช้านำตัวไปฝากขังศาลผัดแรก 12 วันพร้อมค้านประกัน ศาลส่งเข้าเรือนจำมีนบุรีทันที รอผลกองพิสูจน์หลักฐาน ถ้าเรียบร้อยแจ้งข้อหาฉกรรจ์เพิ่มอีกเพียบ ทั้งฆ่าผู้อื่นและคดีวัตถุระเบิด “ประวุฒิ” เผยเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 1 เป็นผู้ร่วมขบวนการเคยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ รับมีข้อมูลนายมิราลลี ยูสูฟู จบวิศวะเคมีแต่เปิดเผยไม่ได้ ขณะที่ชุดสืบสวนเร่งหาหลักฐานพบข้อมูลนางไมซาเลาะห์พันแก๊งบึมเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ พยานยันเป็นคนโทรศัพท์ประสานร้านเคมีภัณฑ์ให้นายมิราลลีไปซื้อสารประกอบระเบิดถึง 2 ครั้ง เพราะพูดภาษาไทยไม่ได้ แถมล่าสุดตำรวจพบภาพ “มิราลลี” ยืนอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าแยกราชประสงค์วันเกิดเหตุระเบิด เชื่อรอดูผลงานก่อนเผ่น

คดีคนร้ายวางระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 17 ส.ค. เป็นเหตุให้ชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเสียชีวิต 20 ราย และได้รับบาดเจ็บกว่า 100 ราย และวางระเบิดใกล้ท่าเรือสาทร ต่อมาชุดสืบสวนจับกุมนายบิลา มูฮัมหมัด หรือนายอาเดม การาดัค ไม่ทราบสัญชาติ ขณะกบดานที่พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก พร้อมอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก และหนังสือเดินทางประเทศตุรกีปลอมอีก 250 เล่ม หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังบูรพาจับกุมนายมิราลลี ยูสูฟู ถือหนังสือเดินทางประเทศจีน ขณะกำลังหนีข้ามชายแดนจังหวัดสระแก้ว เบื้องต้นตรวจสอบหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ผลตรวจสอบลายนิ้วมือและดีเอ็นเอพบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 อยู่ในที่เกิดเหตุด้วย โดยเจ้าหน้าที่ทหารส่งตัวนายบิลา มูฮัมหมัด ให้ตำรวจสอบสวนและแจ้งข้อหาแล้ว

อรินทราช 26 ย้าย “บิลา” กลางดึก

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 5 ก.ย.ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 2 กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.3 และหน่วยอรินทราช 26 ควบคุมตัวนายบิลา มูฮัมหมัด อายุ 28 ปี ชาวตุรกี ออกจากห้องประชุม ภายหลังนำตัวมาสอบปากคำตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 4 ก.ย. ใช้เวลา ประมาณ 10 ชม. ผู้ต้องหายังสวมเสื้อผ้าชุดเดิมตั้งแต่วันที่ถูกจับกุม สีหน้าเรียบเฉย เพื่อนำตัวไปคุมขังที่ สน.มีนบุรี ก่อนพาไปขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีฝากขังช่วงเช้าของวันที่ 5 ก.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นรถผู้ต้องขัง มีเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 คุ้มกันตลอดเส้นทาง มีรถนำขบวนและรักษาความปลอดภัย 10 คัน ใช้เส้นทางออกจาก บช.น.ผ่านถนนราชดำเนิน ขึ้นทางด่วนยมราชลงด่านศรีนครินทร์ต่อเนื่องมอเตอร์เวย์ ก่อนเข้าถนนร่มเกล้าถึง สน.มีนบุรี เวลา 02.20 น. โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี หน่วยอรินทราช 26 และเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนหนึ่ง เตรียมความเรียบร้อยของห้องขังและบริเวณรอบพื้นที่ภายนอกโรงพัก เมื่อผู้ต้องหาเดินทางมาถึงเจ้าหน้าที่นำตัวเข้าห้องขังทันที

ส่งเข้าห้องขัง สน.มีนบุรี

พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.3 เปิดเผยว่า การสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว เหลือเพียงรอผลตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์จากกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (พฐ.) เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุม ให้ผู้ต้องหาขังเดี่ยว มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร 4 นายเฝ้าดูแลอยู่หน้ากรงขังผลัดเปลี่ยนเวรยามทุก 1 ชม. เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่อ่อนล้า ก่อนคุมตัวเข้าห้องขังยังให้ผู้ต้องหาถอดรองเท้า เชือกและสิ่งต่างๆที่อาจเกิดอันตรายกับผู้ต้องหา หากมีอะไรเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ที่เฝ้าดูแลอยู่สามารถเข้าถึงตัวผู้ต้องหาอย่างรวดเร็วไม่เกิน 1 นาที ท่าทางผู้ต้องหาไม่เครียด และไม่มีอาการหวาดกลัว ก่อนนำตัวมาคุมขังให้แพทย์ตรวจร่างกายเรียบร้อยแล้ว ก่อนเตรียมขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรีฝากขังวันที่ 5 ก.ย. เวลา 10.00 น.

รีบฝากขังศาลผัดแรก 12 วัน

ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม ผบก.น.3 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบก.น.3 รรท.ผกก.สน.มีนบุรี พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ชูพันธ์ รอง ผกก.ป.สน.มีนบุรี พ.ต.ท.ถนัด นักธรรม รอง ผกก.จร.สน.มีนบุรี พ.ต.อ.วิบูลย์ นิธิธรรมจรรยา พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.หนองจอก เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.มีนบุรี หน่วยอรินทราช 26 และ ทหารจากสังกัด ร.2 พัน.3 รอ. นำกำลังควบคุมตัวนายบิลา มูฮัมหมัด หรือนายอาเดม การาดัค อายุ 28 ปี ยังไม่ทราบสัญชาติแน่ชัด หนึ่งในขบวนการผู้ก่อเหตุระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก เพื่อมาฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน นายบิลา ลงจากรถควบคุมผู้ต้องขังด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมก้มหน้า มีเจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 คุ้มกันอย่างหนาแน่น ศาลพิจารณาคำร้องแล้วอนุญาตให้ฝากขัง หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เรือนจำพิเศษมีนบุรี ควบคุมตัวนายบิลาขึ้นรถกระบะของกรมราชทัณฑ์ไปควบคุมต่อที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีผัดแรกจำนวน 12 วัน ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 17 กันยายน พล.ต.ต.สมประสงค์เปิดเผยว่า นำตัวผู้ต้องหามาฝากขังผัดแรก เบื้องต้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์มีอัตราโทษสูง และเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี

ใช้พนักงานสอบสวน 3 ชุดสอบ

มีรายงานว่าการสอบปากคำนายบิลา มูฮัมหมัด ใช้พนักงานสอบสวนทั้งหมด 3 ชุด ผลัดกันสอบปากคำนานกว่า 7 ชั่วโมง เบื้องต้นนายบิลา มูฮัมหมัด ให้การภาคเสธว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์และท่าเรือสาทร ส่วนอุปกรณ์ประกอบระเบิดที่พบในห้องพักพูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ นายบิลาให้การซัดทอดกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับว่า เป็นผู้นำอุปกรณ์ดังกล่าวมาไว้ในห้อง และรู้จักผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับเพียงบางคน พนักงานสอบสวนนำภาพชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิดที่ถูกออกหมายให้ดู นายบิลายืนยันว่า ไม่รู้จักชายเสื้อเหลืองที่ถือเป้นำระเบิดไปวางที่ศาลพระพรหม

ตรวจสารเคมีตรงกับระเบิดหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานจากชุดสืบสวนว่า จากการตรวจสอบพยานหลักฐานพบว่า นายมิราลลี ผู้ต้องหาที่ถือพาสปอร์ตจีนที่ถูกจับกุมที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว เคยพักอยู่กับนายบิลา มูฮัมหมัด ที่พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก นอกจากนี้ยังเคยไปอาศัยอยู่ที่ไมมูณา การ์เด้นโฮม ย่านมีนบุรี ที่ น.ส.วรรณา สวนสัน หรือไมซาเลาะห์ เป็นผู้เช่า ตามที่ปรากฏหลักฐานพบลายนิ้วมือนายมิราลลีในที่พักทั้ง 2 แห่ง รวมถึงหลักฐานภาพวงจรปิดเห็นนายมิราลลีไปซื้อสารประกอบระเบิดที่บริษัทเคมีภัณฑ์แห่งหนึ่งบนถนนนวมินทร์ ย่านรามอินทรา ในภาพวงจรปิดเห็นรอยด่างจากแผลเป็นที่คางข้างขวาอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นจุดเด่นบนใบหน้าของนายมิราลลี ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหม ย่านราชประสงค์ และที่ท่าน้ำสาทร นำโดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผบช.สพฐ. พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผบช.ส. รองหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน สั่งการให้ชุดสืบสวนขยายผลตรวจสอบอุปกรณ์ที่นายมิราลลีไปซื้อ ตรงกับหลักฐานวัตถุพยานที่ห้องพักและจุดที่เกิดระเบิดหรือไม่

พยานมัดไมซาเลาะห์ติดต่อร้านเคมี

ผลการตรวจสอบข้อมูลหลักฐานและสอบปากคำพยานทราบว่า ก่อนที่นายมิราลลี ยูสูฟูเดินทางไปที่ร้านเคมีภัณฑ์ นางวรรณา สวนสัน หรือไมซา–เลาะห์ ได้โทรศัพท์ไปที่ร้านบอกว่าจะมีชายชาวต่างชาติไปซื้อของ อ้างว่าที่โทร.ไปสั่งเพราะคนที่จะไปซื้อของเป็นชาวต่างชาติพูดภาษาไทยไม่ได้ หลังจากนั้นนายมิราลลีจึงเดินทางไปซื้อของครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 ก.ค.58 จำนวน 3 รายการ ได้แก่ อะซิโตน A น้ำ 32 กิโลกรัม ราคา 2,568 บาท โซเดียมคาร์บอเนต (โซดาแอช)หนัก 18 กิโลกรัม ราคา 558 บาท และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ น้ำหนักรวม 30 กิโลกรัม ราคา 777 บาท รวมเป็นเงิน 3,903 บาท โดยจ่ายเป็นเงินสด ครั้งที่ 2 วันที่ 11 ส.ค.58 ซื้อกรด ไฮโดรคลอริก หรือกรดเกลือ 25 กิโลกรัม ราคา 437 บาท จ่ายเป็นเงินสดเช่นกัน จากการตรวจสอบสารเคมีที่นายมิราลลีเดินทางไปซื้อพบว่า ตรงกับหลักฐานสูตรประกอบระเบิดที่จดบันทึกไว้ และชุดสืบสวนพบอยู่ในห้องพักพูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ย่านหนองจอก ในวันที่เข้าจับกุมนายบิลา มูฮัมหมัดได้พร้อมของกลางอุปกรณ์ประกอบระเบิด

ถ้าสารเคมีตรงแจ้งข้อหาฉกรรจ์เพิ่ม

นอกจากนี้ การสืบสวนทราบว่า กลุ่มผู้ต้องหาอาจโดยสารรถแท็กซี่มาซื้อสารเคมีที่ใช้เป็นส่วน ประกอบระเบิด ทยอยซื้อเพื่อไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต สะสมไว้จนกระทั่งได้ส่วนประกอบครบจึงประกอบระเบิด ขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีกำลังตรวจสอบหลักฐานและสารเคมี ในจุดที่เกิดระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหมและท่าน้ำสาทรว่า ตรงกับอุปกรณ์ประกอบระเบิดที่พบในห้องพักที่พูลอนันต์อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก และไมมูณา การ์เด้นโฮม ย่านมีนบุรีหรือไม่ ถ้าพบว่าตรงกันพนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ข้อหาทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ข้อหาทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย ข้อหามีวัตถุระเบิดที่ออกใบอนุญาตไม่ได้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ข้อหาพาอาวุธปืน (วัตถุระเบิด) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งเป็นข้อหาเดียวกับชายเสื้อเหลืองมือระเบิดที่ศาลพระ พรหม ย่านราชประสงค์ ที่พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับตามภาพวงจรปิดไว้แล้ว

เตรียมออกหมายจับรายที่ 10

ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สเกตช์ภาพชายชาวต่างชาติ เพื่อเตรียมดำเนินการออกหมาย จับผู้ต้องสงสัยเป็นรายที่ 10 เป็นบุคคลที่อาศัยอยู่ในห้องพักพลูอนันต์อพาร์ตเมนต์ ซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 เขตหนองจอก ร่วมกับนายบิลา มูฮัมหมัด โดยผู้ต้องหารายนี้เป็นชายชาวต่างชาติ ทั้งนี้คาดว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถออกหมายจับได้ในวันจันทร์ที่ 7 ก.ย.นี้ ทั้งนี้ผู้ต้องสงสัยรายที่ 10 มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนทั้งหมดที่ออกหมายจับไปแล้วก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายบิลาใช้ภาษาใดสื่อสาร พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า นายบิลาใช้ภาษาอังกฤษและภาษาอารบิก หรือภาษาท้องถิ่นในการสื่อสาร จากการสอบปากคำนายบิลาให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ระหว่างนี้อยู่ระหว่างหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อสรุปสำนวนก่อนส่งฟ้องต่อไป

รับมีข้อมูล “มิราลลี” จบวิศวะเคมี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีภาพปรากฏออกมาทางสื่อว่า เป็นผู้ต้องสงสัยและเกี่ยวข้องกับคดีระเบิดจำนวนหลายภาพ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ภาพที่ออกมาไม่ได้ออกมาจากส่วนของราชการ แต่เป็นภาพที่ประชาชนหรือผู้สื่อข่าวสืบหากันเอง ทางเจ้าหน้าที่พยายามจะต่อจิ๊กซอว์ให้ละเอียด เมื่อได้ข้อสรุปจะนำแผ่นภาพแสดงความเชื่อมโยงของแต่ละบุคคลมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนต่อไป สำหรับกระแสข่าวที่ว่านายมิราลลี ยูสูฟู จบการศึกษาจากวิศวกรรมศาสตร์ภาคเคมีจากประเทศจีนนั้น เจ้าหน้าที่มีข้อมูลอยู่แล้ว แต่ขณะนี้การสอบสวนอยู่ในสำนวนและไม่สามารถเปิดเผยได้

ทหารนัดส่งตัวให้ตำรวจวันที่ 7 ก.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส่วนการขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดเพิ่มอีก 2 คน เป็นรายที่ 10 และ 11 หลังจากนายบิลา มูฮัมหมัด ให้การกับพนักงานสอบสวน โดยชุดสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดนำพยานไปสเกตช์ภาพเพื่อขออนุมัติหมายจับตามภาพสเกตช์ ขณะนี้พนักงานสอบสวนใกล้ขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหารายที่ 10 แล้ว เพียงรอสอบปากคำนายมิราลลี ยูสูฟู ผู้ต้องหาที่ถูกจับที่ชายแดน จ.สระแก้ว เพิ่มเติมก่อน ทั้งนี้ คณะทำงานกฎหมายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประสานส่งตัวนายมิราลลีให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำวันที่ 7 ก.ย. ที่ บช.น.

พบภาพอยู่ราชประสงค์วันระเบิด

มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า ล่าสุดจากการตรวจ สอบกล้องวงจรปิดบริเวณย่านราชประสงค์ ชุดสืบสวนคลี่คลายคดีระเบิดพบหลักฐานสำคัญเป็นภาพของ นายมิราลลีอยู่ที่บริเวณแยกราชประสงค์ในวันเกิดเหตุระเบิดศาลท้าวมหาพรหม โดยมีกล้องวงจรปิด 2 ตัวบันทึกภาพไว้ได้ขณะเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง สวมเสื้อสีม่วง กางเกงขายาวสีครีม ชุดสืบสวนเชื่อว่า นายมิราลลีเดินทางมาพร้อมกับชายเสื้อเหลืองหิ้วเป้มือวางระเบิด ผู้ต้องหาตัวสำคัญที่ถูกออกหมาย จับไปแล้ว

อีโอดีคาดเป็นระเบิดตั้งเวลา

เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด บก.สปพ. หรือหน่วยอีโอดี ตรวจสอบเหตุระเบิดศาลท้าวมหาพรหมและท่าน้ำสาทร ให้น้ำหนักไปที่คนร้ายจุดระเบิดด้วยการตั้งเวลาจากนาฬิกาปลุก แบบดิจิตอล เนื่องจากการระเบิดสมบูรณ์มากจนไม่หลงเหลือชิ้นส่วนวงจร เพราะแผงวงจรระเบิดจะเล็กกว่าการจุดชนวนระเบิดด้วยรีโมตรถบังคับวิทยุ หรือโทรศัพท์มือถือ ถ้าคนร้ายจุดระเบิดจากทั้ง 2 กรณี น่าจะหลงเหลือชิ้นส่วนประกอบระเบิดในที่เกิดเหตุบ้างเพราะแผงวงจรจะใหญ่ ส่วนเหตุระเบิดที่ท่าน้ำสาทร คนร้ายใช้เท้าเขี่ยระเบิดลงในแม่น้ำคืนเดียวกับเหตุระเบิดศาลท้าวมหาพรหม วันที่ 17 ส.ค. แต่เกิดระเบิดขึ้นตอนบ่ายวันที่ 18 ส.ค. ไม่น่า จะเป็นไปได้ที่คนร้ายกลับมากดระเบิดด้วยรีโมต สันนิษฐานว่าการจุดระเบิดเป็นการตั้งเวลาด้วยนาฬิกาเช่นกัน

ชายเสื้อเหลืองเปิดสวิตช์ระเบิดเอง

ส่วนชายเสื้อเหลืองมือวางระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม เจ้าหน้าที่อีโอดีระบุว่า คนร้ายน่าจะเปิดสวิตช์ตั้งเวลานาฬิกา ก่อนนำไปวางไว้ที่เป้าหมายบริเวณศาลแล้วหลบหนีไป สอดคล้องกับกล้องวงจรปิดที่พบว่าชายเสื้อเหลืองดังกล่าวหายไปจากกล้องวงจรปิดประมาณ 13 นาที หลังลงจากรถตุ๊กตุ๊ก เชื่อว่าช่วงเวลาที่หายไป คนร้ายน่าจะนำระเบิดไปเปิดสวิตช์ตั้งเวลา ส่วนนายมิราลลี ยูสูฟู ที่ถูกจับที่ จ.สระแก้ว อาจเป็นผู้นำระเบิดมาส่งให้ชายเสื้อเหลือง และรอดูเหตุการณ์บริเวณห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ในวันที่ชายเสื้อเหลืองก่อเหตุวางระเบิด

ชาวบ้านแจ้งคนต่างชาติมีพิรุธ

ต่อมาเวลา 14.00 น. พ.ต.อ.วัฒนา ยี่จีน รอง ผบก.น.3 รรท.ผกก.สน.มีนบุรี พร้อมกำลังตำรวจ สน.มีนบุรี และเจ้าหน้าที่ทหาร เข้าตรวจค้นชุมชนพัฒนาบึงขวาง ซอยร่มเกล้า 3 แขวงแสนแสบ เขต มีนบุรี หลังรับแจ้งจากคณะกรรมการชุมชนว่า มีชาว ต่างชาติท่าทางน่าสงสัยเข้ามาในชุมชน นายอดุลย์ มณฑากลีบ อายุ 55 ปี โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดอั๊ตตั๊กวา เผยว่า ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านในชุมชนว่า มีชาวต่างชาติแปลกหน้ารูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว เข้ามาในชุมชนพร้อมทั้งทำเครื่องหมายตามจุดต่างๆ บางจุดใช้เขียนเป็นลูกศรชี้ทาง บางจุดใช้เศษกระดาษตัดเป็นเส้นไปวางตามพงหญ้าในชุมชนจนเป็นที่น่าสงสัย จึงได้เข้าไปสอบถามก่อนจะเชิญตัวทั้งคู่มาที่ทำการชุมชน พร้อมทั้งเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาช่วยตรวจสอบ

โล่ง แค่กลุ่มนักวิ่งตามธรรมชาติ

จากการตรวจสอบทราบว่า ชายคนดังกล่าวเป็นชาวอังกฤษ ชื่อนายแอนโทนี่ ฟิลิปป์ ซิกาเดรี่ อายุ 45 ปี แต่งกายแบบนักวิ่ง สวมเสื้อกีฬาสีแดง กางเกงกีฬาขาสั้นสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบ เดินทางมาพร้อมแฟนสาว น.ส.ณภัทร์ ชมภูพื้น อายุ 50 ปี อยู่ เลขที่ 422/335 ซอยสุวินทวงศ์ 34 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี ให้การว่า ตนพร้อมแฟนหนุ่มเป็นนักวิ่ง ที่ชอบวิ่งตามเส้นทางธรรมชาติ โดยรวมกลุ่มนักวิ่งมานานแล้วจากเพจในเฟซบุ๊กชื่อ Siam Sunday Hash House Harriers วันนี้นายแอนโทนี่ต้องการเข้ามาสำรวจเส้นทางสำหรับใช้วิ่งครั้งต่อไป แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดปัญหา เนื่องจากที่ผ่านมาเคยจัดกิจกรรมลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง

ด้าน พ.ต.อ.วัฒนากล่าวว่า เบื้องต้นตรวจสอบรายชื่อเพื่อบันทึกประวัติ พร้อมทั้งขอความร่วมมือให้ยุติกิจกรรมดังกล่าวไว้ก่อน เพราะสถานการณ์บ้าน เมืองขณะนี้ยังไม่ปกติ การกระทำดังกล่าวอาจถูกกลุ่มคนไม่หวังดีแอบอ้างและเลียนแบบก่อให้เกิดความไม่สงบได้

เยือนจีนไม่เกี่ยวเรื่องระเบิด

ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความ มั่นคง และ รมว.กลาโหม ตอบข้อถามการเยือนจีนได้หารือเรื่องความมั่นคงภายในของไทยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรื่องความมั่นคงภายในประเทศของเราคงไม่เกี่ยวกับจีน ส่วนกรณีที่ผู้ต้องสงสัยเหตุระเบิดราชประสงค์มีการถือพาสปอร์ตจีนนั้น ยังไม่รู้ว่าพาสปอร์ตของจีนหรือไม่ กำลังตรวจสอบอยู่ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม การไปพูดเช่นนี้จะไปกระทบกับประเทศจีน ถ้ามันไม่จริงทำให้เสียหาย ตลอดจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ที่มา  http://www.thairath.co.th/content/523253

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

น่าสนใจ