วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

2.KMการสืบสานและพัฒนาวัฒนธรรมทางการเมืองไทย

บทนำ โดย รองศาสตราจารย์ ดร.จิรโชค วีระสัย(ท่านจิรโชค)

บทนำ
รองศาสตราจารย์ ดร.จิรโชค วีระสัย ได้เริ่มต้นบทนำว่า นับเป็นเวลากว่า 60 ปีที่ประเทศไทยได้เข้าสู่ระบอบการเมืองการปกครองแบบเสรีประชาธิปไตย โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข  ในช่วงระยะเวลานั้น...อ่านมาถึงตรงนี้ ผู้เขียนก็พยายามตีความว่า  ช่วงระยะเวลานั้น...หมายถึงช่วงเวลาใด...แต่ก็ไม่สามารถคาดเดาความคิดของท่านจิรโชคได้ จึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ แล้วอ่านต่อไป  ในช่วงระยะเวลานั้น ได้มีประเด็นทางการเมืองและเหตุการณ์ทางการเมือง  ทั้งในส่วนที่เอื้อและเป็นอริต่อประชาธิปไตย ในบางครั้งอาจมีความรู้สึกท้อถอยกับวิถีแห่งความเป็นประชาธิปไตย...แหม...ช่างเหมือนกับความรู้สึกของผู้เขียนและใครๆหลายๆคนในปี 2555 นี้เสียเหลือเกิน...มันทั้งทุกข์ทั้งท้ออย่างไรก็ไม่รู้  ท่านจิรโชค เขียนต่อไปว่า แต่ในท้ายที่สุดดูเหมือนจะมีฉันทานุมัติอยู่ร่วมกันว่า อุดมการณ์ทางการเมือง ปรัชญาทางการเมือง รูปแบบการเมืองการปกครอง และการดำรงวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดียิ่งและควรที่จะถนอมรักษาไว้... เอ่อ...คนไทยส่วนใหญ่ยังคิดอย่างนี้อยู่ใช่ไหมคะ...

ท่านจิรโชคยังเขียนต่อไปว่า เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ใหม่ๆนั้น มีประเทศต่างๆจำนวนมาก หลุดพ้นจากการเป็นอาณานิคม บางประเทศชาติมีความรู้สึกว่า ประชาธิปไตยเป็นของไม่ดี และได้ทดลองใช้ระบอบการปกครองระบบอื่นๆ การทดลองดังกล่าวนั้นดำเนินมาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ และผลสุดท้ายก็เริ่มมีการตระหนักว่า การปกครองที่เหมาะสมที่สุดคือ การปกครองแบบประชาธิปไตย ท่านจิรโชคได้ยกตัวอย่าง เยอรมันตะวันออกได้ละทิ้งการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ และหันมานิยมชมชอบระบอบประชาธิปไตยเหมือนกับพี่น้องชาวเยอรมันตะวันตก ดังนั้นการทำลายกำแพงเบอร์ลินที่กีดกั้นอยู่ และอีกตัวอย่างคือ ปรากฏการณ์ล่มสลายของสหภาพโซเวียต ...ตามตัวอย่าง 2 ตัวอย่าง ที่ท่านจิรโชคยกมานั้นผู้เขียนมีความเห็นสอดคล้องว่า เป็นสิ่งที่ตอกย้ำความเชื่อมั่นต่อระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย อย่างแท้จริง โดยเฉพาะการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ผู้เขียนเองเมื่อได้ทราบข่าวก็แทบไม่เชื่อหูตัวเอง ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร  แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว

อย่างไรก็ตาม หนทางมิได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ท่านจิรโชคเขียนว่า  แม้คนส่วนใหญ่จะเห็นพ้องว่า ระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยนั้นเป็นสิ่งที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ อุปสรรคแห่งการจะเป็นประชาธิปไตยเต็มใบนั้นก็มีมาบ้างเป็นครั้งคราว  แต่คนทั้งหลายก็ยังมุ่งไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยอยู่ดี  แต่...สำหรับทัศนะของผู้เขียนแล้ว ผู้เขียนมีความเชื่อส่วนตัวว่า ใดๆในโลกล้วนอนิจจัง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป เช่นเดียวกับระบอบการปกครองระบบอประชาธิปไตย ย่อมหนีไม่พ้นวงจรชีวิตนี้ เมื่อเกิดขึ้น ดำเนิจนถึงความรุ่งเรืองถึงขีดสุด ในที่สุดก็ต้องอ่อนแอ และล่มสลายไปในที่สุด เมื่อถึงเวลาของมัน


ฐานิกา บุษมงคล อ้างอิงจากหนังสือเอกสารทางวิชาการ "การสืบสานและพัฒนาวัฒนธรรมทางการเมืองไทย" จัดพิมพ์โดย สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

น่าสนใจ