วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558

เบื้องหลังพิชิตคดี “ระเบิดราชประสงค์”

เบื้องหลังพิชิตคดี “ระเบิดราชประสงค์” สืบจาก “ฝักแคสีชมพู” โยงก่อการร้ายใต้?!

เผยเบื้องหลังความสำเร็จบุกถึงรังมือระเบิด ยกเครดิตให้ “สมบัติ มิลินทจินดา” ยอดนักสืบนครบาล แกะปมจากฝักแคชนวนระเบิดสีชมพู โยงคดีสมานเมตตาแมนชั่น ยันไปถึงเจาะไอร้อง บันนังสตา เหตุการณ์ก่อความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ไล่เบอร์โทร.กว่า 3 หมื่น-เจอแจ็กพอตพบการเคลื่อนไหวติดต่อกันหลังระเบิดกว่า 30 ครั้ง ไล่พิกัดจนพบรังโจรที่หนองจอก
     
       ในการรวบรวมหลักฐานจากจุดเกิดเหตุ พบลุกบอลแบริ่ง หรือลูกปืนสเตนเลสขนาด 0.5 ซม. สะเก็ดโลหะ ซากกระเป๋าเป้ และฝักแคชนวนระเบิดสีชมพู
     
       ปฏิบัติการล่ามือระเบิดเริ่มจากวินาทีนั้น... โดยตลอดทั้งคืนมีการระดมฝ่ายสืบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และสันติบาล ออกหาเบาะแสของชายสวมเสื้อยืดสีเหลือง รูปร่างสูง ลักษณะคล้ายแขกขาว อายุระหว่าง 25-30 ปี ตามที่ปรากฏในกล้อง CCTV แต่ยังไม่ได้ผลอะไรเป็นที่น่าพอใจนัก ขณะเดียวกัน ฝ่ายเก็บรักษาวัตถุพยานจากแผนกเก็บกู้วัตถุระเบิด กองพลาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมเจ้าหน้าที่ทุกนายกว่าร้อยคนปูพรมเก็บหลักฐานทุกชนิดจนสว่างคาตา ก่อนมอบพื้นที่คืนให้แก่กรุงเทพมหานครเร่งทำความสะอาดเพื่อให้สภาพบ้านเมืองกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด

       การทำงานของเจ้าหน้าที่ดำเนินต่อไปอย่างเงียบๆ โดยเฉพาะชุดของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่จับประเด็นจากของกลางที่พบในบริเวณศาลท่านท้าวมหาพรหม ของกลางที่ว่า คือ ตะกั่วลูกปืนขนาดครึ่งเซนติิเมตร หรือที่เรียกกันว่า “ลูกบอลแบริ่ง” โดยปกติแล้วไม่เคยพบว่าเคยถูกนำมาใช้ในประเทศไทยมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการลอบวางระเบิดแสวงเครื่องใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือกรณีสมานเมตตาแมนชั่น เมื่อปี 2553 ซึ่งในครั้งนั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล มีตำแหน่งเป็น ผบช.ภ.1 เป็นผู้ควบคุมคดีนี้ก็ไม่พบว่ามีการนำลูกบอลแบริ่งมาเป็นสะเก็ดสังหาร แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ “ฝักแค” หรือ “สายจุดชนวนระเบิดสีชมพู” ซึ่งมีคุณสมบัติดีเยี่ยม ไม่ชื้น ไม่ด้าน หวังผลได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และพบว่ากลุ่มคนร้ายมักใช้สร้างสถานการณ์ในจังหวัดภาคใต้อยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่เจาะไอร้อง บันนังสตา ปัตตานี นราธิวาส สำคัญที่สุดฝักแคชนิดและสีเดียวกันนี้ยังพบจากเหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่นอีกด้วย
     
       ชุดสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น.จึงเริ่มจับทางออกหาข่าวทุกชิ้นที่เกี่ยวกับขบวนการก่อการร้ายภาคใต้ ในส่วน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.ได้ประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ กอ.รมน. และฝ่ายทหาร พร้อมกับตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ตามพิกัดราว 3 หมื่นหมายเลขที่มีการติดต่อกันหลังเวลา 18.55 น.ของวันที่ 17 ส.ค. 2558 หรือช่วงเวลาหลังเกิดเหตุระเบิดนั่นเอง
     
       จาก “ฝักแคสีชมพู” อันเป็นสายจุดชนวนระเบิดที่ใช้เฉพาะมืออาชีพ และเป็นเครื่องยุทธภัณฑ์ห้ามมีไว้ในครอบครองมาตั้งแต่เหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ได้จุดประกายทีมสืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลให้แจ่มชัดเดินมาจนถูกทาง เมื่อผลการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ผู้เกี่ยวข้องจากหลายหมื่นเลขหมาย ลดมาเรื่อยๆ จนถึงหลักพัน หลักร้อย...
     
       จนที่สุดได้พบกลุ่มเบอร์ “ผู้ต้องสงสัย” ที่มีการติดต่อกันหลังเหตุระเบิดกว่า 30 ครั้ง  พิกัดการใช้โทรศัพท์ เมื่อนำมาวิเคราะห์อีกครั้งก็พบว่าจุดใหญ่น่าสนใจที่สุดก็คือ ย่านมีนบุรี หนองจอก
     
       กระทั่งนาทีทองที่เฝ้ารอก็มาถึง เมื่อมีการติดต่อทางโทรศัพท์ของกลุ่มผู้ต้องสงสัยอีกครั้ง จึงทราบว่าจุดน่าสงสัยดังกล่าวก็คือ “พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์” ตั้งอยู่เลขที่ 134/5 ปากซอยเชื่อมสัมพันธ์ 11 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สมบัติ มิลินทจินดา ผบก.สส.บช.น. และกำลังนอกเครื่องแบบกว่า 50 นาย ผสานกำลังทหารจากกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์ รวมทั้งชุดเก็บกู้ระเบิด รีบเดินทางไปปิดล้อมพื้นที่เป้าหมายเพื่อตรวจค้นจับกุมในทันที
     
        เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว นายอาเด็ม คาราดัก ผู้ต้องสงสัยไว้ได้ พร้อมยึดของกลางอันเป็นยุทธภัณฑ์สำหรับผลิตระเบิดมากมาย เช่น (1. เสื้อเชิ้ตตรวจพบสารระเบิดกลุ่ม 1 คือ TNT และ C-4 (2. เสื้อละหมาด พบสารเกี่ยวกับการประกอบระเบิดกลุ่ม 3 คือ ยูเรีย 3. ลูกเหล็กบอลแบริ่ง ขนาดครึ่ง ซม.บรรจุถุงพลาสติกเป็นแพกแบน (4. ถ่านไฟฉายชนิดกลมและแบน (5. สายไฟ หัวเชื่อมโลหะ เทปพันสายไฟ (6. ไขควง กรรไกร (7. เคมีบางชนิดบรรจุถังแกลลอน จำนวน 3 ถัง (8. กล่องกระดาษบรรจุเคมีภัณฑ์โซเดียมคาร์บอร์เนต (โซดา แอช) (9. ท่อเหล็กดราฟท์เกลียว 2 ด้านหัวท้ายขนาดต่างๆ (10. ผ้าเย็บสำหรับพันรอบเอว ติดตีนตุ๊กแกแบบระเบิดพลีชีพ (11. สายชนวนฝักแคสีชมพู ยาว 8 ซม.จำนวน 10 เส้น

>>>อ่านข่าวโดยละเอียดได้จาก http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000098948
     

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

น่าสนใจ